
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ใครๆ ก็รู้จัก และส่วนมากจะเข้ากันเป็นที่เรียบร้อยว่าสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกินอาหารที่มีรสหวาน หรือรสจัดมากเกินไป รวมไปถึงแป้งต่างๆ และมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นหากครอบครัวมีประวัติเคยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน
แต่สิ่งที่อีกหลายๆ คนไม่ทราบ คือ สัญญาณอันตรายที่จะเตือนภัยกับเราว่า เรากำลังจะเป็น โรคเบาหวาน แล้ว อาการเป็นอย่างไร มีวิธีสังเกตได้
เริ่มทำความรู้จัก โรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน เป็นภาวะที่ในกระแสเลือดมีระดับน้ำตาลสูงกว่าปกติ อันเนื่องมาจากการ ขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพในการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินลดลง เป็นเหตุให้น้ำระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหากปล่อยไว้เป็นเวลานานก็จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ ได้ง่าย อาทิ ตา ไต รวมไปถึงระบบประสาท ส่วนใหญ่อาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ร่างกายจะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนอาหารให้เป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน การเจาะเลือดเซลล์ในตับอ่อนที่มีชื่อว่า เบต้าเซลล์ จะเป็นตัวสร้างอินซูลิน โดยที่อินซูลินจะเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงาน
ความสำคัญของ อินซูลิน ต่อร่างกาย
อย่างที่บอกไปในตอนแรกที่เริ่มทำความรู้จักกับ โรคเบาหวาน ว่า อินซูลิน นั้นเป็นฮอร์โมนตัวหนึ่งที่สำคัญภายในร่างกาย สร้างและหลั่งออกมาจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน มีหน้าที่พาน้ำตากลูโคสเข้าสู่เนื้อเยื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อเผาผลาญและเป็นพลังงานที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิต หากร่างกายขาดอินซูลิน หรืออินซูลินนั้นออกฤทธิ์ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ร่างกายก็จะใช้การไม่ได้ เป็นเหตุให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีเพิ่มสูงขึ้นจนเกิดเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งนอกจากจะมีความผิดปกติในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตแล้ว ก็ยังมีความผิดปกติในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น มีการสลายตัวของสารไขมันและโปรตีนร่วม
โรคเบาหวานเกิดขึ้นได้อย่างไร
โดยปกติแล้ว การเกิดโรคเบาหวานนั้นจะมีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนที่ถูกสร้างมาจากตับ คือ ฮอร์โมนอินซูลิน โดยที่ฮอร์โมนตัวนี้จะเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสจากเลือดเข้าไปสู่เซลล์ต่างๆ ภายในอวัยวะทั่วร่างกาย อาทิ สมอง , ตับ , ไต , หัวใจ เพื่อให้เซลล์นั้นนำกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานในการทำงาน แต่หากกระบวนการสร้างฮอร์โมนอินซูลินเกิดมีความผิดปกติ ตับสร้างอินซูลินได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น หรือเกิดความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถนำกลูโคสไปใช้ได้ ถึงแม้ว่าตับจะสร้างฮอร์โมนได้ในระดับปกติ หรือที่เรียกกันว่า เซลล์ดื้อต่ออินซูลิน เมื่อความผิดปกติทั้ง 2 อย่างเกิดขึ้น ก็จะทำให้น้ำตาลคั่งในเลือดในจำนวนที่มาก ทำให้ความผิดปกตินั้นเกิดขึ้นลุกลามจนกลายเป็น โรคเบาหวาน ในที่สุด
ทั้งนี้ ถึงแม้เราจะรู้ว่าโรคเบาหวานเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดความผิดปกติของกระบวนการใดในร่างกาย แต่สาเหตุของการเกิดก็ยังไม่ถูกระบุแน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่ามันเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนที่เกิดจากทั้งพันธุกรรมและการดำเนินชีวิตของคนเรา (Lifestyle) ประกอบกัน
โรคเบาหวาน มีอาการอย่างไร ?
อาการหลักๆ ที่สื่อว่าคนๆ นั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน อาจได้แก่ รู้สึกหิวบ่อย , กระหายน้ำ , ปัสสาวะมีปริมาณมากและบ่อย อีกทั้งก็ยังมีอาการอื่นๆ ประกอบ อาทิ
- เหนื่อย อ่อนเพลีย
- ผิวแห้ง เกิดอาการคันบริเวณผิว
- ตาแห้ง
- มีอาการชาที่เท้า หรือรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่ปลายเท้า หรือที่เท้า
- ร่างกายซูบผอมลงผิดปกติ โดยไม่สามารถหาสาเหตุได้
- เมื่อเกิดบาดแผลที่บริเวณต่างๆ ของร่างกายมักหายช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะแผลที่เกิดกับบริเวณเท้า
- สายตาพร่ามัวในแบบที่หาสาเหตุไม่ได้
9 สัญญาณอันตราย โรคเบาหวาน
- อ่อนเพลียง่าย ทั้งๆ ที่พักผ่อนเพียงพอ และไม่ได้ป่วยไข้
- ผอมลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
- หิวน้ำมากกว่าปกติ (เพราะร่างกายสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย)
- ตาพร่ามัวลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดขา ปวดเข่า
- ผิวหนังแห้ง และมีอาการคัน อาจจะคันตามตัว หรือคันบริเวณปากช่องคลอด
- เป็นฝีตามตัวบ่อย ๆ
- แผลหายช้า ไม่แห้งสนิท หรือขึ้นสะเก็ดเสียที
ใครที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ?
โรคเบาหวาน นั้นเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมได้ ฉะนั้นผู้ที่มีญาตสายตรง อย่าง พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากมีทั้งพ่อและแม่ที่เป็นโรคเบาหวาน รุ่นลูกก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นถึงร้อยละ 50
นอกจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแล้ว ยังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลให้เป็นโรคเบาหวานได้ อาทิ ผู้ที่มีน้ำเกิน หรือเรียกว่า อ้วน , ผู้ที่ไม่ชอบออกกำลังกาย , มีไขมันในเลือดสูง โดยกลุ่มคนเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นได้เท่าๆ กัน
ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานนั้นมีอยู่หลายข้อ ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องของพันธุกรรมที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวันที่เรานั้นอาจไม่ทันได้ให้ความสำคัญ หรือหลงลืมไป มาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง
- เรื่องของพันธุกรรม อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าคนที่มีครอบครัวสายตรง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้องที่เป็นท้องเดียวกันป่วยเป็นโรคเบาหวาน เราที่เป็นรุ่นต่อมาก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้สูงกว่าคนทั่วๆ ไป
- ผู้ที่เป็นโรคอ้วนและมีน้ำหนักตัวเกิน ส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ดื้อต่ออินซูลิน
- ไม่ออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากว่าการออกกำลังกายนั้นจะช่วยทำให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักได้ อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์ต่างๆ ไวต่อการนำน้ำตาลไปใช้ รวมถึงยังช่วยในเรื่องของการเผาผลาญน้ำตาลในเลือดได้ดีอีกด้วย
- เรื่องของเชื้อชาติ ทั้งนี้มีข้อมูลพบว่าคนในบางเชื้อชาติเป็นเบาหวานสูงกว่าคนในชาติอื่นๆ อาทิ ในคนเอเชียและคนผิวดำมีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่าคนชาติอื่นๆ
- เรื่องของอายุ ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสที่จะเป็นเบาหวานก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว นั่นอาจมาจากระบบการทำงานของเซลล์ตับอ่อนเสื่อมถอย หรือขาดการออกกำลังกาย
- การมีไขมันในเลือดสูง
- การมีความดันโลหิตสูง
โรคแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานนั้นถือได้ว่าเป็นโรคเรื้อรังที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแข็ง หรือตีบ ซึ่งหากหลอดเลือดในอวัยวะส่วนใดของร่างกายแข็ง หรือตีบ ก็จะทำให้เกิดโรคที่อวัยวะนั้นๆ ดังจะเห็นได้ว่า โรคเบาหวาน เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ทุกระบบ อันได้แก่ ระบบประสาท , ตา , ไต , ไต , หัวใจและหลอดเลือด , ผิวหนัง และช่องปาก เป็นต้น
อาการของผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
หากกล่าวถึงโดยภาพรวมอาการของผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานนั้นจะปัสสาวะบ่อย มีน้ำหนักที่ลดลง หิวบ่อย บางครั้งก็มีอาการอ่นเพลีย อันเนื่องมาจากการที่มีน้ำตาลในเลือดสูง คราวนี้ เราลองมาดูกันลึกลงไปอีกนิดว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจะมีอาการใดแสดงให้เห็นเพิ่มเติมได้อีกบ้าง
ในคนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเบาหวานก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้าจะมีระดับน้ำตาลในเลือดเพียง 70 – 110 มก.% โดยหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเข้าไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะมีระดับน้ำตาลในเลือดไม่เกิน 140 มก.% ซึ่งที่มีระดับน้ำตาลไม่มากก็อาจจะไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา สำหรับการวินิจฉัยโรคเบาหวานนั้นทำได้ด้วยการเจาะเลือด มีอาการที่พบได้บ่อยดังนี้
- คนปกติที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเบาหวานมักจะไม่ลุกขึ้นมาปัสสาวะในช่วงเวลากลางดึก หรือปัสสาวะเป็นอย่างมากไม่เกิน 1 ครั้ง ซึ่งเมื่อมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เกินกว่า 180 มก.% น้ำตาลก็จะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อยและเกิดการสูญเสียน้ำ อีกทั้งยังอาจพบได้ว่าปัสสาวะของตนเองมีมดตอม
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานมักจะหิวน้ำบ่อย อันเนื่องมาจากต้องมีการทดแทนน้ำที่ร่างกายขับออกมาทางปัสสาวะ
- มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลงเนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลที่มีอยู่ได้ จึงได้ย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและไขมันออกมา
- ผู้ป่วยมักจะหิวบ่อยและกินเก่ง แต่ในทางตรงกันข้าม น้ำหนักตัวจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เกิดเพราะร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ จึงมีการสลายพลังงานจากไขมันและโปรตีนจากกล้ามเนื้อแทน
- อาการอื่นที่อาจพบได้ อาทิ การติดเชื้อ , แผลหายช้า หรือมีอาการคันตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
- เกิดการคันตามผิวหนัง มีการติดเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องคลอดของผู้หญิง ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการคันอาจเกิดจากผิวที่แห้งจนเกินไป หรือมีการอักเสบของผิวหนัง
- การมองเห็นไม่ชัดเจน สายตาพร่ามัวจนต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางสายตา เช่น สายตาสั้น , ต้อกระจก หรือมีน้ำตาลในเลือดสูง
- เกิดอาการชาตามส่วนต่างๆ ไม่มีความรู้สึก เจ็บตามแขนขา หย่อนสมรรถภาพทางเพศ อันเนื่องมาจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงนาน ส่งผลให้เส้นประสาทเกิดการเสื่อมสภาพ เป็นแผลที่เท้าง่าย เพราะไม่มีความรู้สึก
- อาจเกิดการอาเจียน
เมื่อระดับน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดสูงและเป็นโรคเบาหวานได้ระยะหนึ่ง ก็อาจเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นกับหลอดเลือดเล็ก เรียกว่า Microvacular ซึ่งหากมีโรคแทรกซ้อนนี้เกิดขึ้นก็จะทำให้เกิดโรคไต , เบาหวานเข้าตา นอกจากนั้น หากหลอดเลือดแดงใหญ่เกิดการแข็งตัว จะเรียกว่า Macrovascular ที่จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ , เป็นอัมพาต , หลอดเลือดแดงที่ขาตีบ อีกทั้งยังจะทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบ ที่เรียกว่า Neuropathic ที่ทำให้ขาชา , กล้ามเนื้ออ่อนแรง และประสาทอัตโนมัติเสื่อมได้
หากมีอาการเหล่านี้ บวกกับพฤติกรรมในการทานอาหารที่ไม่ค่อยระวังเรื่องแป้ง และน้ำตาล คุณอาจสันนิษฐานได้ว่ากำลังมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้สูง เพราะฉะนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่ การตรวจที่ละเอียด และทำการรักษาต่อไปค่ะ
โรคเบาหวาน วินิจฉัยอย่างไรบ้าง ?
ในเบื้องต้น เมื่อเราเดินทางไปพบแพทย์ แพทย์ก็จะเริ่มต้นสอบถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย รวมไปถึงคนในครอบครัว จากนั้นก็จะมีการตรวจร่างกาย ตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล ซึ่งวิธีการวิเคราะห์ระดับน้ำตาลก็จะมีอยู่หลายวิธี ดังนี้
- วิธีที่ 1 : การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเวลาใดก็ได้
- วิธีที่ 2 : การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- วิธีที่ 3 : การทดสอบการตอบสนองของฮอร์ดมนอินซูลินที่มีต่อระดับน้ำตาลในเลือด
- วิธีที่ 4 : การตรวจน้ำตาลเฉลี่ยสะสม หรือฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี
หากผู้ป่วยไม่มีอาการของโรคเบาหวานชัดเจนคือ หิวน้ำมาก ปัสสาวะบ่อยและมาก น้ำหนักตัวลดลง โดยที่ไม่มีสาเหตุ การตรวจด้วยวิธีทั้งหมดข้างต้นจำเป็นต้องมีการตรวจซ้ำอย่างน้อย 1 ครั้งด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันผลการวินิจฉัย
ขอแนะนำ บรีซซี่
อาหารเสริม ฟื้นฟูตับอ่อน เบาหวาน หายได้





หากคุณมีอาการเหล่านี้ !!!
เตรียมตัวรับมือกับ เบาหวาน ....

- มองไม่ชัด ตาพร่ามัว
- หิวบ่อย กินจุบจิบ
- น้ำตาลในเลือดสูง
- รู้สึกชา บริเวณปลายมือ เท้า
- ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อยขึ้น
- อ่อนเพลีย อารมณ์ฉุนเฉียว
- บาดแผลหายช้า
- น้ำหนักลด
- ติดเชื้อราง่าย
- มีปัญหาตามผิวหนัง
โรค เบาหวาน คืออะไร
โรค เบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังของการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเกิดจากความบกพร่องของการสร้างอินซูลินจากตับอ่อน โรคเบาหวานมักจะเกี่ยวพันกับโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลายโรค เช่น โรคหัวใจ ภาวะหัวใจขาดเลือด โรคไต ความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจมีปัญหาต่อหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจ อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถที่จะดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นได้…ปัจจุบันมีพืชสมุนไพรหลายชนิด ที่มีผลงานวิจัยจากวงการแพทย์แผนไทย ว่ามีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูตับอ่อน ลดน้ำตาลในเลือด

โรค เบาหวาน ภัยร้ายที่คุกคามชีวิตคน
สถานการณ์ โรคเบาหวาน ในประเทศไทย พบว่า คนไทยช่วงอายุ 20-79 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน 8.3 % ซึ่งหมายความว่าใน 100 คน จะพบคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ประมาณ 8 คน และจำนวนมากกว่าครึ่ง ไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน สถิติการพบผู้ป่วยด้วยโรคนี้ยังมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
จะเกิดอะไร! ถ้าคุมเบาหวานไม่ได้
- โรคหลอดเลือดสมอง – อัมพฤกษ์,อัมพาต
- เบาหวานขึ้นไปที่จอประสาทตา – ต้อกระจก,จอประสาทตาเสื่อม,ตาบอด
- โรคไต – ไตวายจากเบาหวาน
- เส้นประสาทเสื่อม – ชาปลายมือปลายเท้า,เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- โรคหลอดเลือดหัวใจ – กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด,หัวใจวาย
- สูญเสียประสาทรับความรู้สึกที่เท้า – แผลที่เท้า, เป็นแผลหายยาก,อาจต้องตัดเท้า


Breezy บรีซซี่ ใช้แคปซูลที่เป็นนวัตกรรม เทคโนโลยี่ระดับ Nano Technology เพื่อช่วยให้ค่อยๆปลดปล่อยสารสำคัญที่มีสิทธิบัตรรับรอง ทำให้ร่างกายสามารถดูด ซึมไปใช้ได้ตลอดเวลา การปลดปล่อยสารสำคัญอย่างช้า ๆ จะดีกว่า เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอื่น ๆ ที่มีการดึงน้ำตาลออกมาจากเลือดอย่างรวดเร็ว เพื่อนำไปขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ไตทำงานหนัก
Breezy บริซซี่ ขึ้นทะเบียน อย. ถูกต้อง


ส่วนประกอบที่สำคัญของ Breezy บรีซซี่
- มะขามป้อม
- เก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่
- ราสเบอรี่
- วิตามินบี
- แอล คานิทีน และ อื่น ๆ
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ BREEZY บรีซซี่
- เป็นนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลจาก เวทีระดับนานาชาติ 45th International Exhibition of Inventions Geneva
- นวัตกรรมใหม่ โดยภูมิปัญญาของคนไทย ดร.จริยา ร่มสายหยุด
- เป็นผลงานวิจัยร่วมระหว่าง 3 สถาบัน มหาวิทยาลัยรามคำแหง จุฬาลงกรณ์ฯ และ สถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่ใช้ Controlled Release ปลดปล่อยสารสำคัญ
- ช่วยดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวาน
- ได้รับมาตรฐาน GMP การผลิตระดับโลก
- ได้รับการทดสอบกับผู้ป่วยมากกว่า 7 ปี
- ดูแลแผลจากโรคเบาหวาน แผลเปื่อยจากเบาหวาน แผลเปื่อยไม่หาย ช่วยให้แห้งเร็ว
- นอนหลับสนิท สดชื่น ไม่อ่อนเพลีย ไม่ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน
- ทำให้รู้สึกมีเรี่ยว มีแรง กระปรี้กระเปร่า
- แก้ปัญหาผิวหนัง ที่ปลายมือปลายเท้าแห้งแข็ง
- ลด อาการ ชาปลายมือปลายเท้า
- มีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวาน หลายๆคน ไม่ต้องถูกตัดขา
- มีส่วนช่วยในเคส เบาหวานขึ้นตา ลด อาการตาพร่ามัว
- มีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวาน ได้รับยาจากโรงพยาบาลน้อยลง หรือทานยาน้อยลง
- เลขที่ อ.ย.12-1-06656-1-0067
- นวัตกรรมใหม่ที่ได้รับสิทธิบัตรรับรอง เลขที่อนุสิทธิบัตร 12736
- แคปซูล ใช้เทคโนโลยี่ระดับ Nano Technology เพื่อช่วยให้ค่อยๆปลดปล่อยสารสำคัญที่มีสิทธิบัตรรับรอง ทำให้ร่างกายสามารถดูด ซึมไปใช้ได้ตลอดเวลา
- การปลดปล่อยสารสำคัญอย่างช้า ๆ จะดีกว่า เทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีการดึงน้ำตาลออกมาจากเลือดอย่างรวดเร็ว เพื่อไปขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ไตทำงานหนัก
- ช่วยทำให้ตับและไต ไม่ต้องทำงานหนัก
- สารสกัดนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
- พัฒนาสูตรเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานแบบครบวงจร
- ได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
โปรโมชั่นพิเศษ สุดๆ!!!

Breezy บรีซซี่ ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ของแท้จากบริษัท
1 กล่อง 30 แคปซูล ทานได้ 15 วัน 1,250 บาท
2 กล่อง ลด 200 บาท เหลือ 2,300 บาท (จากปกติ 2,500 บาท)
4 กล่อง ลด 600 บาท เหลือ 4,400 บาท (จากปกติ 5,000 บาท)

สั่งซื้อสินค้า เก็บเงินปลายทาง
ฝากข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร จำนวน ที่ไลน์ได้เลย.
สนใจติดต่อ
โทร. 096-8953917
Line ID : @doodeeshop
แอดเป็นเพื่อน : https://lin.ee/8jTyoSe

ชีวิต Happy เมื่อมี Breezy
- มีเรี่ยวแรง
- นอนหลับสบาย ไม่ตื่นกลางดึก
- ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เข้าสู่สมดุล
- สายตาดีขึ้น
- มือ เท้า ไม่ชา
- ความดันโลหิต ดีขึ้น

วิธีรับประทาน Breezy ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน
1 แคปซุล วันละ 2 ครั้ง หล้งอาหาร เช้า – เย็น
*** กรณีผู้ป่วยเบาหวานระดับ น้ำตาลเกิน 180
ให้ทานครั้งละ 2 แคปซูล ใน 2 อาทิตย์แรก
หลังจากนั้นค่อยลดปริมาณ เหลือครั้งละ 1 แคปซูล

9 เหตุผลดี ๆ ทำไมต้องเลือก Breezy
- เป็นหนึ่งเดียวที่พัฒนาสูตร เฉพาะผู้ป่วยเบาหวานอย่างครบวงจร
- ใช้สารสกัดนำเข้า จากประเทศญี่ปุ่น
- ปลอดภัยสูงสุดจากโรงงานมาตรฐานระดับโลก ตาม GMP
- คิดค้น และวิจัย ร่วมกับดอกเตอร์ จากอเมริกา
- นวัตกรรมใหม่ที่ปรับสมดุลน้ำตาลโดยเฉพาะ มีสิทธิบัตรรับรอง
- มั่นใจ ไร้ผลข้างเคียง ไม่ทำลายตับและไต
- ผ่านการทดสอบกับผู้ป่วยจริงมากว่า 7 ปี
- เป็นหนึ่งเดียวที่ใช้ Controled Release ปลดปล่อยสารสำคัญ
- สินค้ามีการรับรองจาก อย
วิธีรับประทาน
– ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า – เย็น
– ครั้งละ 2 แคปซูล กรณีผู้ป่วยระดับน้ำตาลเกิน 180 ให้ทาน 2 แคปซูล ใน 2 อาทิตย์แรก จากนั้นลดเหลือ 1 แคปซูล
คำเตือน
- ผลิตภัณฑ์ Breezy บรีสซี่ เป็นเพียงผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันและรักษาใดๆทั้งสิ้น
- ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง กระปรี้กระเปร่า
- ในกรณีที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษา แพทย์ และ เภสัชกร
- ควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 7-8 แก้ว
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ควรลดเครื่องดื่มที่มี รสหวาน เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์
- ออกกำลังกายเป็นประจำให้ได้อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำจิตใจให้สดชื่น แจ่มใส ไม่เครีบด

เก็บเงินปลายทาง รอรับสินค้าอยู่ที่บ้าน
สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย มั่นใจ ไม่มีค่าบริการเพิ่ม
.
1 กล่อง 30 แคปซูล ทานได้ 15 วัน 1,250 บาท
2 กล่อง ลด 200 บาท เหลือ 2,300 บาท (จากปกติ 2,500 บาท)
4 กล่อง ลด 600 บาท เหลือ 4,400 บาท (จากปกติ 5,000 บาท)
——————
สั่งซื้อสินค้า เก็บเงินปลายทาง
ฝากข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร จำนวน ที่ไลน์ได้เลย
——————
สนใจติดต่อ
โทร. 096-8953917
Line ID : @doodeeshop
แอดเป็นเพื่อน : https://lin.ee/8jTyoSe
รีวิวจากผู้ใช้จริง
โปรดใช้วิจารญานในการรับชม
ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล

โปรดใช้วิจารญานในการรับชม
ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล

โปรดใช้วิจารญานในการรับชม
ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล

โปรดใช้วิจารญานในการรับชม
ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล
โปรโมชั่นพิเศษสุดๆ !!!

Breezy บรีซซี่ ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ของแท้จากบริษัท
1 กล่อง 30 แคปซูล ทานได้ 15 วัน 1,250 บาท
2 กล่อง ลด 200 บาท เหลือ 2,300 บาท (จากปกติ 2,500 บาท)
4 กล่อง ลด 600 บาท เหลือ 4,400 บาท (จากปกติ 5,000 บาท)

เก็บเงินปลายทาง รอรับสินค้าอยู่ที่บ้าน
สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย มั่นใจ ไม่มีค่าบริการเพิ่ม
.
1 กล่อง 30 แคปซูล ทานได้ 15 วัน 1,250 บาท
2 กล่อง ลด 200 บาท เหลือ 2,300 บาท (จากปกติ 2,500 บาท)
4 กล่อง ลด 600 บาท เหลือ 4,400 บาท (จากปกติ 5,000 บาท)
——————
สั่งซื้อสินค้า เก็บเงินปลายทาง
ฝากข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร จำนวน ที่ไลน์ได้เลย
——————